กลยุทธ์ทางการตลาดที่ SME ต้องรู้
การทำธุรกิจ SME แม้ว่าธุรกิจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่ แต่ก็มีความยืดหยุ่นสู่ มีสภาพคล่องในการตัดสินใจ ซึ่งมีข้อเสียไม่ว่าจะด้านประสบการณ์ ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ ไปจนถึงเงินลงทุน ทุกอย่างที่ลงทุนไปถือเป็นต้นทุนของธุรกิจ หากผิดพลาดก็จะทำให้ขาดทุนได้ การที่จะทำธุรกิจให้อยู่ได้ในเส้นทางแห่งความเสี่ยงจึงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพ ด้วย 4 กลยุทธ์ทางการตลาดที่ SME ต้องรู้มีดังนี้
1.ทำตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
ไม่ว่าจะทำธุรกิจ SME ประเภทใดก็ตามจะต้องชัดเจนในกลุ่มเป้าหมาย รู้ว่าลูกค้าเป็นใคร เพื่อไม่ให้ใช้งบในการโฆษณา หรือทำการตลาดแบบสิ้นเปลืองแถมไม่ได้ผล การที่จะสร้างยอดขายให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์หรือออฟไลน์ การจัดโปรโมชั่น ข้อเสนอต่างๆ ควรที่จะเน้นไปที่วัตถุประสงค์ในการสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
2.สร้างแบรนด์ด้วยเรื่องราว
การมี Story เป็นการสร้างการมีตัวตน ความยูนีคเป็นจุดขายที่ไม่เหมือนใคร ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูงเพื่อปั้นแบรนด์ ธุรกิจสามารถสร้างเรื่องราวเพื่อให้เกิดแบรนด์ขึ้นมา ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ง่าย และจะต้องมีจุดขาย จุดเด่นของสินค้าหรือบริการ นำมาสร้างเรื่องราวให้เกิดความแปลกใหม่น่าสนใจจนกลายเป็นไวรัล หรือกระแสการบอกต่อให้รู้จักกันกว้างขวางขึ้น
3.หาพันธมิตรที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
มองหาความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน อย่างเช่น ธุรกิจเครื่องดื่มอาจจะจับมือกับธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารเสริมเพื่อขยายฐานลูกค้าก็ย่อมได้ เพราะจะช่วยลดต้นทุนในการโฆณษา ได้ประโยชน์ในการทำการตลาด ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ ก็จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ขายในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
4.ลูกค้าประจำคือลูกค้าชั้นดี
การมีต้นทุนที่จำกัดอาจทำให้การโปรโมทหรือทำการตลาดเป็นไปอย่างไม่เต็มที่หรือเต็มรูปแบบได้อย่างธุรกิจใหญ่ๆ การที่ SME อาศัยลูกค้าที่ซื้อหาเป็นประจำมาช่วยในการกระจายข้อมูล ข่าวสาร ช่วยรีวิว โปรโมทสินค้าออกไปให้เป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะด้วยการมอบสินค้าทดลอง ให้โปรโมชั่นพิเศษ เพื่อสอบถามผลตอบรับ ความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าเพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น ถ้าหากสินค้าเป็นที่พอใจก็จะทำให้เกิดการแนะนำกันออกไปเกิดเป็นฐานลูกค้าที่มั่นคง ลูกค้าประจำจึงสำคัญมากควรรักษาให้ดี
การทำโปรโมชั่น
ตัวช่วยกระตุ้นยอดขายชั้นดี แต่จะทำแบบไม่มีแผนไม่ได้ การออกแบบโปรโมชั่นให้เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการ ไปจนถึงเหมาะสมและโดนใจกลุ่มเป้าหมายก็จำเป็นด้วยเช่นกัน
1.แจกสินค้าทดลอง
สินค้าขนาดทดลองเป็นการลงทุนเล็กๆ ที่ได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจ ถ้าหากลูกค้าได้ทดลองใช้แล้วสินค้าใช้ดี เกิดความประทับใจก็จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีกและเกิดการบอกต่อ
2.ให้ส่วนลดกระตุ้นให้ซื้อซ้ำ
การจัดโปรโมชั่นแบบจำกัดเวลา เพื่อดึงดูดลูกค้าหน้าเดิมให้เกิดความสนใจและตัดสินใจซื้อสินค้า ให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าและมีรสนิยมหรูหรา
3.ให้ส่วนลดเพื่อตอบแทน
รูปแบบโปรโมชั่นที่เอาใจลูกค้าเก่า เอาชนะคู่แข่งด้วยการคืนเงินกลับให้ลูกค้า ส่วนใหญ่จะเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าในครั้งต่อไปเป็นการต่อยอดการตลาดให้เกิดเป็นยอดขายได้มากขึ้น อย่างเช่น เมื่อลูกค้าช้อปครบ 1,000 บาท รับส่วนลด 5% , ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ครบ 2,500 บาท รับส่วนลดทันที 500 บาท หรือลูกค้าลงทะเบียนผ่าน LINEat ของแบรนด์ รับส่วนลดสำหรับซื้อสินค้า 200 บาท อันนี้ก็เป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างให้เกิดฐานลูกค้าใน Line@ เป็นต้น
4.การแข่งขันชิงโชค
เป็นโปรโมชั่นที่สร้างความมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย ส่วนใหญ่ใช้เป็นการจับฉลากมอบรางวัลให้ผู้โชคดี มีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปคู่กับสินค้า การโพสต์ความประทับใจพร้อมภาพถ่าย ไปจนถึงการกดไลค์กดแชร์ ตอบใต้โพสต์ต่างๆ นาๆ การทำป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ แบนเนอร์ติดตามเว็บไซต์ต่างๆ กระตุ้นลูกค้าเกิดความสนใจ และอยากซื้อสินค้ามากขึ้น
5.การใช้โซเชียลมีเดียในการทำโปรโมชั่น
รูปแบบยอดนิยมที่ธุรกิจจะต้องทำเพื่อสร้างกระแส แต่จะต้องวางในส่วนของงบประมาณในการโฆษณาไว้ส่วนหนึ่งเพราะการแข่งขันที่สูงอาจจะต้องใช้งบในการโปรโมทเพิ่มมากขึ้น แต่วิธีนี้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและสามารถเลือกให้ตรงกลุ่มเพื่อโฆษณาได้ด้วย เหมาะกับการสร้างกระแสให้กับสินค้าใหม่ๆ