มีเว็บไซต์แล้วยังทำไมยังขายไม่ดี เรามีคำตอบ
มีเว็บไซต์แล้ว ทำไมยังขายไม่ดี เป็นคำถามหัวข้อใหญ่ สำหรับคนทำธุรกิจหลายคนที่มองหาช่องทางการตลาด โดยมีวิสัยทัศน์ที่ดีมองเห็นลู่ทางการทำการตลาดผ่านโลกออนไลน์ แล้วไขว่คว้าโอกาสที่จะทำเงินได้จากช่องทางนี้ เมื่อมองเห็นถึงความเป็นไปได้ก็เริ่มต้นลงมือทำเว็บไซต์ ไม่ว่าจะด้วยการจ้างทำเว็บไซต์โดยเอเจนซีหรือแม้กระทั่งเขียนเว็บไซต์ได้เอง ซึ่งหลายท่านมองว่าเว็บไซต์เสร็จสิ้นแล้วหมายถึงงานจบ ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เราต้องการนำเสนอได้แล้ว จากนั้นคุณก็รอเวลาว่าเมื่อไหร่ที่ลูกค้าจะมาจากเว็บไซต์ที่คุณทำ ผลก็คือยังคงเงียบเหมือนเดิมอย่างกับไม่เคยมีเว็บไซต์มาก่อน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หากคุณต้องการบุกตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง ควรศึกษาข้อมูลให้กระจ่างก่อนอื่นใด Chess Studio รับทำเว็บไซต์ จะมาแนะนำ ดังนี้
1. เว็บไซต์เสร็จไม่ได้หมายความว่างานจบ
เมื่อเว็บไซต์เสร็จสิ้น ไม่ได้หมายความว่างานของคุณจะจบลง แน่นอนว่ายังมีงานต่อเนื่องที่คุณจะต้องทำ ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย ตราบใดที่ร้านค้าของคุณไม่ได้ขายสินค้าที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก เช่นนั้นก็ย่อมมีคู่แข่ง หมายความว่าเว็บไซต์ของคุณไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว คู่แข่งมากมายก็มีเว็บไซต์เหมือนคุณและอาจจะมีก่อนคุณมาเนิ่นนาน จึงเป็นเรื่องไม่ง่ายที่คุณจะติดอันดับต้นๆ ใน Google ได้เพียงแค่มีเว็บไซต์ ถึงแม้ว่าทางเอเจนซีจะออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์มาได้ดีเพียงใด แต่ในการทำ SEO มีอีกหลายปัจจัยที่คุณต้องศึกษา หากไม่ทราบว่า ทำไมต้องทำ SEO คุณจะต้องหาคำตอบให้ได้เสียก่อน การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับจึงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
2.ปรับทัศนคติใหม่ก่อนนี่เพิ่งเริ่มต้น
มาปรับทัศนคติกันก่อน ศึกษาให้ดี อย่าเพิ่งไปโวยวายกับเอเจนซี่ที่ทำเว็บไซต์ให้คุณเด็ดขาด หากคุณไม่มีลูกค้าผ่านมาทางเว็บไซต์ นั่นเพราะคุณเพียงแค่เริ่มต้นสร้างบ้านให้สวยงามเท่านั้น คุณยังไม่ได้บอกใครเลยว่า บ้านของคุณเสร็จแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าบ้านของคุณอยู่ตรงไหน เปรียบได้กับอันดับเว็บไซต์ของคุณอาจจะอยู่ใน Google หน้าที่ 2 หรือหน้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้าแรก โอกาสที่ผู้ใช้จะเจอคุณก็จะน้อยลงไป สิ่งที่คุณต้องทำคือ ทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกให้ได้ หากติดหน้าแรกแล้ว ควรจะทำให้อยู่ในอันดับที่ 1 ถึง 5 หากเพิ่งเริ่มต้นอยู่ใน top 10 ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว (กรณีที่ keyword แข็ง เว็บไซต์คู่แข่งมีมากและทำมานาน ใช้เวลาหลายเดือนเพราะเป็นการดันอันดับโดยวิธีธรรมชาติ)
ควรกำหนดคำค้นหาให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง อย่างเช่น ร้านค้าของคุณขายเสื้อผ้าแฟชั่น คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมอาจจะเป็น เสื้อผ้าแฟชั่น จะต้องมีการตรวจสอบผ่าน Google Keyword Tool ว่ามีคำเกี่ยวข้องใดที่เหมาะสมกว่าคีย์เวิร์ดหลักที่คุณต้องการ ส่วนใหญ่ในเว็บไซต์ของคุณจะมีคีย์เวิร์ดที่ใส่ไว้ใน Title มีการฝังคีย์เวิร์ดไว้แล้ว แต่คุณต้องแน่ใจว่า คีย์เวิร์ดนั้นตรงกันกับที่คุณจะทำ SEO หลังจากนั้นก็จะเป็นกระบวนการสืบเนื่องในการทำ SEO ขั้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเขียน Content แชร์ลิ้งค์ออกไปตามกลุ่มต่างๆ ใน Facebook หรือเว็บฝากลิงค์อื่นๆ
3.กุญแจที่สำคัญของเว็บไซต์คือ SEO
เว็บไซต์เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ อย่างที่เคยกล่าวไว้ในบทความอื่นๆ มาโดยตลอดว่า เว็บไซต์เปรียบเสมือนบ้าน คุณจะเอา Facebook ที่เป็นบ้านของคนอื่น มาเป็นบ้านของคุณเองไม่ได้ วันไหนจะโดนเจ้าของบ้านไล่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ (การปรับอัลกอลิทึ่มของ Facebook ในแต่ละครั้งสร้างความหวั่นใจให้กับคนทำธุรกิจ ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้ว) คุณอาจต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า เว็บไซต์เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น แต่กุญแจที่ทำให้เครื่องมือนี้มีประสิทธิภาพก็คือ การทำ SEO หรือ การดันอันดับเว็บไซต์บน Google แม้ว่า Facebook จะติดลมบนอย่างไร ผู้เขียนก็ยังมีความเชื่อว่า Google จะยังคงเป็นอะไรที่มากกว่าและจะยังเป็นที่ต้องการต่อไป ลูกค้ามักจะค้นหาสินค้า/บริการ ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านการพิมพ์คำค้นหา (keyword) บน Google ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจึงต้องทำ SEO หัวใจสำคัญก็คือการเลือกคำค้น หรือ Keyword ให้ตรงกับธุรกิจ สินค้า/บริการ เพื่อให้ผู้ใช้เสิร์จเจอเว็บไซต์ของคุณได้ตรงกับความต้องการ
4.อย่าข้ามขั้นตอน
หลายท่านที่ทำเว็บไซต์ยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับขั้นตอนการทำการตลาดผ่านทางออนไลน์ การจัดทำเว็บไซต์แล้วจะมีลูกค้าเข้ามาเลยในทันทีนั้นไม่ถูกต้อง ในความเป็นจริงแล้วต้องขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การตลาดของคุณเองที่จะคิดค้นขึ้นมา อย่างที่ผู้เขียนเคยเดินทางไป Shopping ที่ Outlet ของต่างประเทศ เมื่อถึงจุดชำระเงิน พนักงานที่เคาน์เตอร์จะให้พิมพ์ e-mail หรือกรอกในการ์ดสมัครสมาชิก อาจดึงดูดใจด้วยการให้ส่วนลดหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจที่จะมอบอีเมล์ให้ หลังจากนั้นก็จะมีการส่งข้อมูลโปรโมชั่นผ่านมาทางเมล์ ลิ้งค์กับเว็บไซต์ของผู้ขาย ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของร้านค้า ถือเป็นการโฆษณาแฝง เป็นการกระจาย link เว็บไซต์ให้รู้จักโดยทั่วกันหรือแม้แต่การนำเว็บไซต์ไปโฆษณาใน facebook ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำกัน อย่างไรก็ตามวิธีการที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ จะต้องอ้างอิงจากพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเช่นกัน