แรงงานไทยที่กำลังจะเดินทางไปทำงานที่ไต้หวันฟังให้ดีสำนักงานแรงงานไทยในกรุงไทเป เตือนหลายบริษัทจัดหางานของไทย หลอกให้เซ็นชื่อในแบบฟอร์มยื่นขอเปิดซิมการ์ดมือถือ ส่งผลให้แรงงานไทยไม่ต่ำกว่า 200 คน หลังจากเดินทางเข้าสู่ไต้หวันได้ไม่นาน ก็ตกเป็นผู้ต้องหา ถูกตำรวจออกหมายเรียกไปสอบปากคำ ข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์ หรือหลอกลวงต้มตุ๋นชาวไต้หวัน ทั้งๆ ที่พูดภาษาจีนไม่ได้สักคำ บางคนยังไม่ทันจะเดินทางเข้าไต้หวัน ก็ตกเป็นผู้ต้องหาเสียแล้ว
หลายคนคงสงสัยว่าแค่เปิดซิมโทรศัพท์จะไปเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมได้ยังไง ทั้งที่ยังไม่ซื้อซิมหรือเปิดซิมเลย ทำโดยพนักงานบริษัทจัดหางานไทยบางบริษัท นำแบบฟอร์มยื่นขอเปิดซิม ของค่ายมือถือในไต้หวัน ซึ่งมีตัวแทนอยู่ในประเทศไทย ไปหลอกให้คนงานเซ็น โดยนำไปปะปนกับเอกสารการเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน จากนั้นก็ยื่นขอเปิดซิมต่อค่ายโทรศัพท์มือถือ แล้วนำซิมการ์ดเหล่านี้ไปขายต่อให้แก๊งมิจฉาชีพในไต้หวันนำไปก่อคดี ในราคา 3,000 – 5,000 เหรียญ ต่อ 1 เบอร์
เมื่อตำรวจดักจับสัญญาณมือถือของแก๊งมิจฉาชีพได้ พบเจ้าของเบอร์มือถือเป็นคนงานไทย จะออกหมายเรียกให้ไปสอบปากคำ ฐานเป็นผู้ต้องหาต้มตุ๋น คนงานไทยบางคนได้รับหลายใบ ต้องขอให้ล่ามพาไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจหลายท้องที่ ทำให้วิตกกังวล ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ แม้ว่าสุดที่ท้ายคนงานไทยที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะไม่ถูกสั่งฟ้อง แต่กว่าคดีจะสิ้นสุด ก็ต้องเสียเวลาทำงาน และเสียสุขภาพจิตเป็นปี ขณะที่บางคนโชคร้าย ให้การกลับไปกลับมา ถูกพิพากษาจำคุก ต้องไปรับโทษในคดีที่ตนไม่ได้ก่อขึ้น
สำนักงานแรงงานไทยในไทเปนอกจากจะออกหนังสือมาเตือนบริษัทจัดหางานในไทยให้ตรวจสอบดูแลพนักงานของตนเองแล้ว ในขณะเดียวกันก็เตือนแรงงานไทยที่กำลังจะไปทำงานไต้หวันว่าให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนจะกรอกอะไรลงไป เพื่อนเป็นการป้องกันสิทธิประโยชน์ของตัวเองและยังมีอีกกรณีที่ว่าให้เพื่อนยืมซิมพอกลับไปไต้หวันก็โดนจับทันที เรื่องของซิมการ์ดถือเป็นเรื่องที่ต้องระวังอย่างมากหาเกิดทำโทรศัพท์หายก็ควรไปแจ้งความหรือไปทำการปิดสัญญาณโทรศัพท์ที่ศูนย์ซิมการ์ด