เมื่อ Facebook ไม่ใช่เพื่อนที่ดีที่สุดของคนทำธุรกิจอีกต่อไป
การวางแผนกลยุทธ์และลงมือผ่านเครื่องมือดิจิทัล เป็นการทำ Digital Marketing ที่ต้องใช้การผสมผสานกันของเครื่องมือ digital ที่หลากหลาย เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจ ผู้ที่ทำการตลาดผ่าน Digital จะต้องเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างตรงจุด และได้ผลมากที่สุด ซึ่งหลังจาก Facebook เครื่องมือหลักที่สำคัญของนักการตลาดออนไลน์ได้ปรับอัลกอริทึ่มใหม่ เหตุผลหลักๆ คือการปรับ News Feed โดยปรับลดการเข้าถึงของเพจธุรกิจลง เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนในเฟซบุ๊กให้มากขึ้น แน่นอนว่ากระทบต่อนักการตลาดออนไลน์เป็นอย่างมาก ต้องบอกเลยว่า ณ ตอนนี้ Facebook ไม่ใช่เครื่องมือที่ดีที่สุดอีกต่อไปแล้ว Chess Studio รับทำเว็บไซต์ จะมาเล่าถึงมุมมองที่มีต่อ Facebook 3 ข้อหลักๆ ดังนี้
1.ภาวะอิ่มตัวของสังคมโซเชียลที่เรียกว่า Facebook
ผู้คนมากมายติดอยู่ในวังวนของ Facebook ซึ่งแทบจะครองโลกทั้งใบไปแล้ว รวมไปถึงนักการตลาดที่ไปรวมกันอยู่ใน Facebook ต่างคนก็ต่างเข้ามาสร้างบทบาทให้กับร้านค้า สินค้าและบริการของตัวเอง ต่างคนต่างขาย ต่างแย่งความสนใจกันหมด แต่ในความเป็นจริงนั้น ผู้ใช้เฟซบุ๊กสนใจแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจเท่านั้น กิจกรรมของตัวเอง ของครอบครัว และคนที่สนใจ ส่วนป้ายโฆษณา หรือสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาให้เห็นนั้น แทบจะไม่มีผลอะไรเลย ถ้าหากลองนึกว่า Facebook เป็นแหล่งรวม Content มากมายมหาศาล ในแต่ละวันผู้ใช้เฟซบุ๊คจะต้องรับข้อมูลมากมายแค่ไหน ซึ่งสิ่งที่นักการตลาดได้สร้างไปนั้น จะมีคนเห็นหรือไม่ ต้องบอกตามตรงว่าไม่ได้ง่ายเหมือน 7-8 ปีที่แล้ว ซึ่งจะทำอะไรคนก็สนใจไปหมด ตอนนี้นักการตลาดจึงต้องชั่งใจว่าจะสื่อสารออกมาอย่างไรให้สามารถดึงความสนใจของผู้บริโภคมาได้ แล้วจะต้านแรงกระตุ้นของ Facebook ที่บีบบังคับให้ซื้อโฆษณาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างไร สิ่งที่ทำลงไปจะคุ้มค่าต่อการลงทุนลงแรงหรือไม่
2.เมื่อ Facebook ไม่ได้เท่ห์อีกต่อไป
แหล่งชุมชนขนาดยักษ์ที่เรียกว่า Facebook เป็นสิ่งที่ทำให้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ใช้เฟซบุ๊กรุ่นใหม่ๆ เริ่มรู้สึกว่า การใช้ Facebook ไม่ตอบโจทย์ หรือไม่ได้รู้สึกว่า ใช้ Facebook นั้น เท่ห์อีกต่อไป ซึ่งการใช้ facebook ในหลายๆ ครั้งก็ต้องมาเจอ Content ที่แสนน่าเบื่อ มีความดราม่า ข่าวปลอมบ้าง โพสต์ขายของมากมาย ไปจนถึงมีการหาเรื่องหรือโดนหาเรื่องจากสังคมรอบตัว ซึ่งอาจจะมาจากการที่ ทั้งเจ้านาย พ่อแม่ ผู้ปกครอง ก็มีการใช้ Facebook เช่นกัน ทำให้เห็นพฤติกรรมผ่านทางเฟซบุ๊กได้โดยง่าย ผู้ใช้จำนวนมาก Active ในเฟซบุ๊กจึงไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน ส่วนใหญ่จะเอาเวลาไปอยู่ใน Platform อื่นๆ แทน เพราะได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น twitter หรือ Instagram ซึ่งนักการตลาดควรตรวจสอบให้ดีว่า กลุ่มเป้าหมายนั้นยังคง Active อยู่ใน Facebook หรือได้ ย้ายไปใน Platform อื่นแล้ว
3.Facebook อาจไม่ได้เป็นช่องทางสร้างรายได้อีกแล้ว
หลายคนคิดว่า Facebook สามารถใช้หาลูกค้าใหม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้ลูกค้าเลย ได้เพียงการมีส่วนร่วม ยอดคนมองเห็น ยอดการรับรู้ อย่างเช่น การนำภาพวาดมาขายในเฟซบุ๊ก มีคนกดไลค์กดแชร์มากมาย แต่กลับขายไม่ได้เลย ไม่มีคนสนใจซื้อหรืออุดหนุนภาพนั้น เมื่อเทียบกับการเอาภาพไปลงใน DavianArt กลับขายได้มากมาย ข้อคิดคือ คนเห็นเยอะไม่ได้หมายความว่ารายได้จะเยอะตาม มีคนมากมายอยู่ใน Facebook ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถหว่านแหแล้วได้ลูกค้ามา ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือไปอยู่ให้ถูกที่ ถูกจุด นำสินค้าหรือแบรนด์ เข้าไปอยู่ในจุดทีสามารถเสิร์ฟผู้ใช้ที่ตั้งใจค้นหา อย่างเช่นการเข้าไปอยู่ใน Youtube ที่มีคนตั้งใจเข้าไปค้นหาและดูวิดีโอ ก็จะทำให้คนมีความสนใจมากกว่าอยู่ใน Facebook ได้
ในแง่มุมเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับตัวนักการตลาดที่จะเลือกใช้เครื่องมือใด การทำ Digital marketing ที่ดีไม่ควรยึดติดกับเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งมากเกินไป ควรปรับใช้ให้ได้ผลมากที่สุด ใช้ให้ถูกจุด ถูกที่ถูกเวลา ก็จะสามารถสร้างรายได้ขึ้นมาได
ขอบคุณข้อมูลจาก marketingoops