3 ข้อหลักปรับตัวยังไงเมื่อออนไลน์ไม่ตอบโจทย์
ธุรกิจออนไลน์ดังเปรี้ยงปร้างมากในช่วงระยะเวลา 5-7 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจต่างๆ ทั้งพ่อค้าแม่ค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมากและก้าวมาขายออนไลน์อย่างเต็มตัว ในช่วงแรกที่ฮิตการสั่งของออนไลน์ก็ต้องอาศัยการเรียนรู้แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนเกิดความคุ้นชิน ทำให้การใช้บริการออนไลน์มีเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค เมื่อมีผู้ใช้งานมากขึ้น มีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มากขึ้น การแข่งขันจริงสูงขึ้น สินค้าทุกอย่างสามารถหาซื้อได้ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะในโซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ ส่งผลให้ค่าการตลาดสูงขึ้น ต้นทุนของธุรกิจจึงสูงขึ้นจากเดิมที่เคยจ่ายเงินเพียงน้อยนิดแต่ได้ผลแต่ปัจจุบันจ่ายเงินเยอะแต่คนเห็นน้อยลง ผลกระทบนี้ส่งผลเป็นอย่างมาก สิ่งที่ธุรกิจควรทำคือรับมือและปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ดังนี้
1.โซเชียลมีเดียไม่ใช่ทุกอย่างของการทำการตลาด
ดังนั้นอย่าฝากชีวิตไว้กับโซเชียลมีเดีย เพราะการทำธุรกิจบนสื่อออนไลน์ทำได้ง่าย ผู้คนจึงหันมาใช้งานกันแล้วธุรกิจก็งอกเงยกันหนาหูหนาตาเต็มไปหมด การแข่งขันสูงมากส่งผลให้โอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายถึงแคบลงเมื่อเทียบกับค่าโฆษณาที่แพงขึ้นตลอดเวลา การตลาดทางโซเชียลมีเดียวเริ่มถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เมื่อผู้ใช้เรื่องเบื่อไม่ค่อยอยากดูสินค้า ธุรกิจจึงต้องเริ่มมองหาสื่อใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ออนไลน์ สร้างพื้นที่ของตัวเอง หรือการลงทุนแบบหน้าร้านก็จำเป็นไม่แพ้กัน
2.จำเป็นต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง
การใช้โซเชียลมีเดียต้องรำลึกไว้เสมอว่าเป็นเพียงพื้นที่ของคนอื่นที่เราได้ยืมใช้งานเท่านั้น ไม่ว่าเจ้าของพื้นที่จะเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์ นโยบายการใช้งาน หรือเงื่อนไขใดๆ เรามีสิทธิ์ทำตามเขาเท่านั้น แต่สำหรับเว็บไซต์ถ้าหากคุณสร้างขึ้นมาแล้วจะเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นของคุณไปตลอด ในช่วงที่เป็นขาลงของโซเชียลมีเดีย ผู้บริโภคเข้าใช้น้อยลงและมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น ค่าโฆษณาบนสื่อออนไลน์แพงขึ้น โฆษณาที่ทำอยู่ไม่อาจเข้าถึงได้มากเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป การลงทุนกับเว็บไซต์ที่เปรียบเสมือนหน้าร้านของตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่ควรทำที่สุด
3.ทางเลือกธุรกิจออนไลน์ต้องทำ SEO และ SEM
เลิกโฟกัสกับการโปรโมทโพสต์ จ่ายค่าโฆษณาแพงๆ ทิ้งความคิดนั้นไปแล้วแล้วมาโฟกัสกับการทำ SEM และ SEO ที่ได้ผลระยะยาวและยั่งยืนกว่าและยังทำให้เข้าถึงผู้ใช้ได้อย่างมหาศาล ตราบใดที่ทุกคนบนโลกใบนี้ยังใช้ Google ไม่ว่ายังไงก็จะต้องเสิร์จข้อมูลที่ต้องการจากแพลตฟอร์มนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นการที่ธุรกิจทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรกในคำค้นที่เหมาะสมได้ย่อมมีผลต่อการค้นหาส่งผลให้ผู้บริโภคเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์และเข้ามาใช้บริการซึ่งถึงว่าเป็นการลงทุนอย่างยั่งยืน ต่างจากการลงทุนด้วยการโปรโมทโพสต์บนโซเชียลมีเดียอย่างเห็นได้ชัด