อัพยอดขายทำง่ายเห็นผลทันทีด้วย 10 วิธีนี้!
แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะช่วยให้เราสามารถสื่อสารถึงลูกค้า กลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและถูกต้องแม่นยำมากแค่ไหน แต่ถ้าหากขาดศิลปะในการนำเสนอสินค้า/บริการ ให้ชัดเจนถึงความเป็นตัวตน หรือเข้าไม่ถึงความสนใจ พฤติกรรมของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ต่อให้ลงทุนซื้อเทคโนโลยี หรือการโปรโมทโฆษณามากมายเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ลูกค้าอยู่ดี Chess Studio รับทำเว็บไซต์ จึงนำแนวคิดมาฝากว่า ความรู้พื้นฐานต่างๆ จะพัฒนาไปสู่เทคนิคการขายให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร
1.คุณค่าที่ลูกค้าคู่ควร
เกือบทุกธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ จะต้องรู้ว่าสินค้าของตนตอบโจทย์อะไรระหว่าง การบรรเทาภัย กับ ความบันเทิง ให้แก่ลูกค้า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณมีความต้องการอะไร ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหา สิ่งอำนวยความสะดวก หรือ ต้องการสร้างโอกาสเล็กน้อยที่อาจไม่จำเป็นในชีวิต ความสุข ความหวังอะไรแก่ลูกค้า หากโมเดลธุรกิจของคุณตอบข้อนี้ได้ก็ถือว่าติดกระดุมถูกตั้งแต่เม็ดแรกกันเลยทีเดียว
2.เน้นให้เชื่อด้วยการเล่าเรื่อง
อย่างที่ทราบกันดีว่าผู้บริโภคในโลกปัจจุบันโดนกระหน่ำด้วยข้อมูลข่าวสารมหาศาล ซึ่งสิ่งที่ควรทำก็คือทำให้ลูกค้าเข้าใจได้รวดเร็วกว่าใคร เพราะการแข่งขันมีสูง การอธิบายด้วยคำไม่กี่คำแต่ย้ำให้ผู้บริโภคเชืิ่อด้วยการเล่าเรื่อง การทำให้เห็นว่าสินค้าของแบรนด์สามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้จริงๆ จะส่งผลให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย ก่อให้เกิดความมั่นใจในตัวสินค้าบริการ อย่างการสื่อว่าสินค้าของคุณคืออะไร ใช้ทำอะไร ทำไมลูกค้าต้องใช้ โดยการใช้คำขวัญธุรกิจ หรือสโลแกน ก็ช่วยให้เกิดความจดจำได้ง่ายอีกด้วย ตัวอย่างการโฆษณาเล่าถึงปัญหายุ่งยากที่เกิดขึ้นจากนั้นก็แก้ไขด้วยวิธีแสนง่ายดาย เป็นการขายและการตลาดที่น่าสนใจ เป็นการเล่าเรื่องซึ่งเริ่มต้นด้วยการทำตลาดด้วยการให้ปัญหาที่เล็กน้อยกลายเป็นปัญหาที่มันเป็นเรื่องใหญ่ แล้วปิดการขายด้วยการให้คำตอบกับลูกค้า ด้วยสินค้าที่ทำให้ปัญหาเหล่านั้นถูกแก้ได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งผลสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า แถมด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัด
3.สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
ไม่ว่าบนออนไลน์ หรือหน้าร้านก็ควรหมั่นสร้างสัมพันธ์ให้ลูกค้ารู้สึกสนิทใจ รู้สึกประทับใจ ลูกค้าต้องการความใส่ใจ การกล่าวขอบคุณเมื่อเห็นลูกค้ากล่าวถึงสินค้าของเรา พยายามตอบคำถามลูกค้าในทันที และไม่ยัดเยียดสินค้าหาลูกค้าไม่ต้องการ เพจ Facebook เป็นพื้นที่โฆษณา ที่ต้องใช้ให้ถูกต้อง การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำสะสมไป ทำให้เป็นนิสัย แน่นอนว่าผลลัพธ์ในระยะยาวจะต้องดีแน่นอน
4.เจ๋งจริงต้องโชว์
การหยิบยกสถิติที่ดีที่สุด ผลสำเร็จที่ใครเห็นก็ต้องทึ่ง นำออกมาโพสต์ออกสื่อ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือที่เป็นของจริง เป็นเรื่องจริง ได้มาจากเสียงของลูกค้าจริงๆ การที่เจ้าของธุรกิจออกมาพูด และรับผิดชอบเอง จะได้รับความสนใจ ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริโภคมากกว่าเก็บสิ่งที่ดีไว้กับตัวจนเกินไป
5.แสดงตัวตนที่ชัดเจน
การที่เจ้าของธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้า อาจจะด้วยการโพสต์เล่าเรื่อง การขายสินค้าได้ด้วยความเข้าใจ คล่องแคล่ว สามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างกูรูผูเชี่ยวชาญ จะทำให้ลูกค้ามั่นใจกับแบรนด์ของคุณมากกว่าเจ้าอื่น โดยต้องอยุ่บนหลักความจริงไม่อวดอ้างสรรพคุณมากจนเกินไป หาโอกาสแสดงกึ๋นบ่อยๆ ยกระดับแบรนด์ธูรกิจเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า หาทางได้ใกล้ชิดคนเก่ง คนที่มีชื่อเสียง พร้อมขยายฐานลูกค้าจากผู้ที่ติดตามคนเก่งคนมีชื่อเสียง ใช้โอกาสนำเสนอผลงานต่อลูกค้า ทำให้แบรนด์แข็งติดตลาด เพิ่มความเป็นตัวจริงเข้าไปอีก
6.เน้นการพาดหัวเรื่องอย่างมีเทคนิค
ผู้คนส่วนใหญ่สนใจอ่านพาดหัวข่าวมากกว่าอ่านรายละเอียดถึง 80% นั่นแปลว่าถ้าพาดหัวไม่น่าสนใจ ไม่โดน หรือไม่เกี่ยวกับปัญหา โพสต์ของคุณก็จะโดนเมิน เสียโอกาศจากเข้าถึงโพสต์นั้นไปโดยปริยาย โดยไม่ต้องคาดหวังว่าคนจะอ่านรายละเอียดที่เหลือ สถิติเว็บไซต์การตลาดด้วย Content จากหลายแห่งสรุปตรงกัน หัวข้อที่จะได้รับความสนใจมากที่สุด คนกดเข้าอ่านมาจะขึ้นต้นด้วยเลข การพาดหัวก็ต้องกระชับ สั้นๆ ได้ใจความ เปิดประเด็นชัดเจนว่าเป็นเรื่องอะไร มีความครอบคลุเกี่ยวข้องอะไรกับผู้อ่าน และต้องเป็นการกระตุ้นความต้องการอ่าน ว่าทำไมถึงต้องอ่านโพสต์นี้ ซึ่งโพสต์จะได้รับความสนใจมากไม่แพ้รูปภาพที่นำเสนอเลย
7.มอบหมาย Landing Page รับหน้าที่พนักงานขายดีเด่น
เป็นความต่อเนื่องจากผู้ใช้ที่สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว จะคลิกปุ่มไปยังปลายทาง การทำหน้าเว็บ Landing Page ไว้สำหรับโน้มน้าวใจให้ผู้ใช้ตัดสินใจซื้อจึงควรต้องทำ หลักๆในหน้าเว็บจะต้องประกอบด้วยสิ่งที่ทำให้ลูกค้าต้องรีบตัดสินใจ ที่ต้องมีคือสินค้าขายดี มีจำนวนจำกัด เหลือไม่กี่ชิ้นใน stock อีกประการคือ มีระยะเวลาโปรโมชั่นสั้นๆ คุณต้องตรวจสอบว่า Landing Page ได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องหรือไม่ เร่ิมต้นตั้งแต่ลูกค้าเปิดเข้ามา ลูกค้าต้องเจอ ข้อเสนอที่เร้าใจเป็นอันดับแรก ตามด้วยรายละเอียดและภาพสินค้าที่ชัดเจน เพิ่มการบริการประกัน เปลี่ยน หรือคืนสินค้าได้ เพื่อลดความกังวัลให้ลูกค้า แล้วปิดท้ายด้วยระยะเวลา ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบตัดสินใจเพราะไม่อยากพลาด วิธีนี้มักใช้ปิดการขายและได้ผลเป็นอย่างดี
8.อีเมล์เครื่องมือสุดคลาสสิก
นักการตลาดไม่ควรพลาดที่จะเก็บ E-mail ชื่อและนามสกุล ของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อใช้สำหรับการส่งโปรโมทชั่น แคมเปญต่างๆ ได้โยตรง การส่งอีเมล์ถึงลูกค้าจะต้องใช้หัวเรื่อง ที่มีเทคนิคอย่างที่กล่าวไว้ในข้อที่ 6 การขายของโดยตรงให้ลูกค้าผ่านอีเมล์แล้วยังสามารถนำเสนอสินค้าผ่านโฆษณาบนเฟสบุ๊กไปยังลูกค้ากลุ่มที่รู้จักสินค้าแล้วได้อีกด้วย
9.อัพเกรดความเป็นแบรนด์
การต่อสู้ในโลกของการตลาดออนไลน์จะต้องพบเจอกับคู่แข่งมากมาย จึงต้องพัฒนาแบรนด์โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ใช้แค่การซื้อโฆษณาหรือสร้าง Content ดีๆ แต่ต้องรวมไปถึงเทคนิคของเรื่องเล่า (Story) ประสบการณ์ (Experience) ไปจนถึงความคาดหวัง (Expectation) การเล่าเรื่องเป็นการสร้างความน่าสนใจให้เกิดขึ้นกับลูกค้า เรื่องจริง ประสบการณ์จริง ซึ่งเกี่ยวข้องกับความคาดหวัง ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์จากการใช้สินค้าและบริการจากการบริโภคแล้วส่งต่อสิ่งเหล่านั้นไปโดยการบอกต่อ ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับแบร์ เพราะเมื่อลูกค้าพึงพอใจกับสิ่งที่ได้รับมา ลูกค้าจะรู้สึกถึงคุ้มค่าจากนั้นก็จะมีการแชร์ให้กับคนอื่นได้รับรู้ แบรนด์ก็สามารถจะเติบโตได้เร็วขึ้น
10.ตัวแทนช่วยขาย
การนำคุณสมบัติเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เต็มไปด้วยผู้บริโภค และผู้ค้า มาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อช่วยขยายธุรกิจได้เร็วมากขึ้น คือ หาตัวแทนช่วยขายสินค้า หากหาตัวแทนที่สนใจขายสินค้าได้เท่ากับเพิ่มสาขาหรือเปิดร้านเพิ่มเลยก็ว่าได้ เป็นการต่อยอดการขายแบบธุรกิจกับลูกค้า ไปสู่การขายแบบธุรกิจกับธุรกิจ ทำให้เพิ่มยอดขายได้แบบก้าวกระโดด
ขอบคุณข้อมูลจาก SMETHAILANDCLUB