เลิกทำ!! ถ้าอยากให้การตลาดรุ่ง ปี 2018
ในปีนี้ 2018 เป็นปีที่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและน่าจับตาเป็นอย่างมากในเรื่องของดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง จากการที่เฟสบุ๊คมีการเปลี่ยน Algorithm เพื่อรักษาฐานผู้ใช้ และการตลาดใหม่ๆ เครื่องมือใหม่ๆ ที่ได้เกิดขึ้นมามีผลต่อผู้บริโภคมากขึ้น นักการตลาดก็ต้องมีการเตรียมตัวสำหรับการตลาดภายในปี 2018 ให้ดีขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคสามารถเลือกได้มากขึ้น หาข้อมูลได้ง่ายมากขึ้น สามารถลเลือกจากความชอบกับประสบการณ์ของตัวเองมากว่าชื่อเสียงของแบรนด์ ในปี 2017 ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดกระทบต่อการทำดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง อย่าง Facebook ที่ลด Reach หรือการเข้าถึงลงไป, การให้ขายของผ่านเฟสบุ๊คได้, การทำ Live Photo, Facebook Stories เห็นได้ชัดถึงเครื่องมืออย่าง twitter กลับมามีความสำคัญอีกครั้ง หลายแบรนด์กลับมาพึ่งพาช่องทางนี้นี้อีก เครื่องมืออย่าง Instagram ที่หลายแบรนด์เริ่มให่ความสนใจ เนื่องจากเกิดการตื่นตัวในเรื่องของข้อมูลและการทำยอดขาย การทำเป้าให้ถึง ส่งผลมายังปีนี้ Chess Studio รับทำเว็บไซต์ นำเสนอข้อสำคัญที่ควรทำไม่ควรทำของนักการตลาดออนไลน์ที่ต้องรู้มีดังนี้
ข้อ 1 เลิกนับ Like แฟนเพจ
ปีที่ผ่านๆ มาการใช้เฟสบุ๊คหรือโซเชียล แพลตฟอร์ม ที่ใช้เข้าไปดูหน้า แฟนเพจ หรือบัญชีเพจของแบรนด์ต่างๆ ที่ตัวเองตาม หรือเห็น content ของแบรนด์นั้นมาน้อยแค่ไหน จึงไม่ควรใช้ค่าไลค์เพจ มาใช้วัดคุณภาพของเพจอีกต่อไป เพราะคนไม่ได้ตามเข้าไปดูหน้าเพจอีกต่อไปแล้ว แต่ตามจาก content ที่เห็นจาก Newsfeed ของตัวเองเท่านั้น ทำให้การ like page เริ่มมีน้อยลงจนถึงไม่มีอีกต่อไป จากตัวเลขคนไลค์เพจ ถือได้ว่าแต่ละคนก็เต็มอิ่มกันไปมาก เพราะไลค์เพจกันไปเยอะมากจนไม่สามารถไลค์ใม่ได้อีก ทำให้การซื้อโฆษณาไลค์เพจมีค่าคลิกแพงขึ้น
สิ่งที่ต้องมองคือ คุณภาพของเพจ มากกว่า ยอดไลค์ของเพจ
ข้อ 2 เลิกทำเนื้อหาที่อ่านได้เฉพาะ Desktop
หลายคนทำแฟนเพจเอง หรือไม่ก็จ้าง Agency ทำให้ สิ่งที่เห็นเป็นประจำคือ content ที่ออกแบบผ่าน Desktop จะได้รับการเช็คจาก Desktop เท่านั้น แต่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้วมาจากผู้ใช้ Social Media ที่เข้ากับมือถือกันหมดแล้ว ส่งผลให้การออกแบบ content ที่แสดงผลได้ดีบน Desktop ไม่ได้เหมาะสมกับการอ่านบนมือถือเลย กลุ่มเป้าหมายเมื่ออ่านยาก ก็ไม่อยากอ่าน Content นั้น อย่างงานวิจัยด้านสื่อชี้ว่า หัวข้อทียาวเกินไป คำเกริ่นนำเยิ่นเย้อ ทำให้ผู้ใช้ไม่อยากอ่านเรื่องราวนั้นๆ
สิ่งที่ควรทำคือ เริ่มออกแบบเนื้อหาให้แสดงผลได้ดีบนมือถือ ดีไซน์ทุกอย่างผ่าน Emulators หรือการใช้เเครื่องมือ prototype content ก็ได้
ข้อ 3 เลิกทำการตลาดแบบมหภาค
การทำการตลาดแบบ Mass Mass นั้นมีคำกล่าวที่ว่า One Size not fit all ซึ่งนักการตลาดมองเห็นว่า ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความต้องการที่ต่างกัน ไม่ได้มีอะไรที่อยากได้เหมือนกัน หรือซ้ำกัน ทำให้การตลาดที่ไม่ได้เจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจเฉพาะกลุ่ม ไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นการดีที่ควรเริ่มทำ Segmentation ละ Personalisation คือ Campaign ที่ทำ Personalised Marketing Message ซึ่งได้ผลดีกว่าการทำการตลาดแบบ Mass เพราะเจาะกลุ่มที่มีความต้องการอยู่แล้ว
ข้อ 4 เลิกใช้ Facebook เป็นเครื่องมือหลัก
จากปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มที่นับวันยิ่งบีบการตลาดในเฟสบุ๊ค และยิ่งต้องจ่ายเงินมากขึ้น เริ่มแรกเชิญชวนให้คนเข้ามาใช้งาน แล้วเริ่มมีค่าการใช้งานต่างๆ ออกมาเพื่อบีบให้มีการจ่ายเงินเพิ่ม เมื่อเกินปัญหาต่างๆ ก็ยากที่จะแก้ไขปัญหาได้ แถมติดต่อกับเจ้าหน้าที่เฟสบุ๊คนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
สิ่งที่ควรทำก็คือ ควรเริ่มมองหาแพลตฟอร์มอื่นๆ ขึ้นมาเสริมหรือสำรอง หรือสร้าง Digital Asset อื่นไว้แทนที่จะใช้เฟสบุ๊คเพียงอย่างเดียว เช่น Website หรือ Blog ซึ่งจะส่งผลดีในแง่ของการเจาะ Target ใหม่ๆ ที่หนีออกไปจาก Facebook ไปอยู่ที่อื่นได้อีกด้วย
ข้อ 5 เลิกพูดถึงไวรัล คอนเทนส์
ในยุคนี้การเกิดไวรัลแท้นั้นแทบไม่มีแล้ว สิ่งที่เกิขึ้นคือการสร้างเนื้อหาคุณภาพออกมา การใช้กลไกทาง Media เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของเนื้อหานั้นออกไป การที่ไวรัลที่เกิดจากผู้บริโภคที่อยากกระจายเนืิ้อหานั้นโดยวิธีธรรมชาติ ไม่ได้ใช้การซื้อสื่อช่วยเลย ซึ่งนักการตลาดสามารถสร้างเนื้อหาที่มีแนวโน้มจะไวรัลได้จากงานวิจัยด้านการสร้างไวรัลวิดีโอต่างๆ ขึ้นมา การสร้างเนื้อหาให้มีคุณภาพตรง Insight มากที่สุด
ควรเริ่มต้นทำ Craft Content กันได้แล้ว
การทำ Digital Marketing ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องลองทำอะไรใหม่ๆ ที่อาจจะให้ผลใหม่ๆ ได้ในปีนี้
Cr.ข้อมูลจาก Marketing Oops!