เทคนิคตั้งชื่อไฟล์ยังไงให้รู้เรื่อง

เทคนิคตั้งชื่อไฟล์ยังไงให้รู้เรื่อง

มาค่ะเพื่อนๆ วันนี้ แอดมีเทคนิคตั้งชื่อไฟล์ยังไงให้รู้เรื่องมาบอก เนื่องจากเห็นว่าหลายคนคงจะละเลยกับเรื่องของชื่อไฟล์งานกันบ่อย ไม่ว่าจะเป็นเรียนอยู่ หรือการใช้ชีวิตในการทำงานเองก็ตาม ด้วยข้อแม้ที่ว่าอาจจะมีทีมงานหลายคน และมีการแก้ไขจำนวนมาก ทำให้การจัดการไฟล์ที่ทำอยู่นั้นเกิดการแก้ไขหลายรอบ ดังนั้นการตั้งชื่อไฟล์เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ทาง chess studio รับออกแบบเว็บไซต์ มีเทคนิคที่ดี ที่จะสามารถช่วยลดระยะเวลาในการทำงานลงได้โดยการตั้งชื่อไฟล์ให้เข้าใจตรงกัน ไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าเป็นยังไง

สิ่งที่ควรมีในการตั้งชื่อไฟล์

  1. ชื่อโปรเจค เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาด้วยการเสิร์ช
  2. ชื่อหน้าที่เราทำ (กรณีแบ่งงานกันทำ) เช่น Home, Shopping cart, Product List, Product Page, Login, Register เป็นต้น เวลาส่งไฟล์ให้ผู้อื่นจะได้ไม่สับสนว่าเรากำลังอยู่ในขั้นตอนไหน
  3. เวอร์ชั่นที่แก้ไข การแก้ไขต่างๆ (สำคัญที่สุด) เนื่องจากเป็นสิ่งที่บอกให้คนในทีมของเรารู้ว่างานนี้เป็นงานเก่า งานนี้เป็นงานใหม่ อย่าทำทับงานไปเรื่อยๆ เพราะสุดท้ายแล้วทำไป 100 แบบจะเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้อย่างเช่น ชอบงานเวอร์ชั่นอยากจะกลับมาใช้งานที่เราทำไปเวอร์ชั่นแรกก็ว่าได้ ดังนั้นจึงขอแนะนำไม่ควรเซฟทับไปเรื่อยๆนั่นเอง
  4. ชื่อบุคคลที่ทำงานชิ้นนั้นๆ (มีก็ได้ไม่มีก็ได้ อาจจะระบุเป็นชื่อย่อก็ได้) เพื่อเป็นการบอกให้ทีมงานของเรารู้ว่าไฟล์นี้ เรากำลังแก้ไข , เพื่อที่จะให้เพื่อนๆเข้ามาช่วยแก้ใน เวอร์ชั่นที่ 2 และคนต่อไปก็แก้ไขในเวอร์ชั่นถัดไปเรื่อยๆ

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการตั้งชื่อไฟล์

  1. อย่าตั้งชื่อไฟล์ยาวจนเกินไป อาจจะใช้ตัวย่อแทน
  2. อย่าใช้ตัวอักขระพิเศษ เช่น ~ ! @ # $ % ^ & * ( ) ` ; < > ? , [ ] { } ‘ ” และ | ต้องยกเว้นเช่นเดียวกัน
  3. หากตั้งชื่อไฟล์ด้วยตัวเลข ประเมินแล้วว่าไฟล์จะรันเลขไปจนถึงหลักร้อย เพราะฉะนั้นหากเราจะใช้เลข 3 หลักก็ควรเริ่มต้นที่ 3 หลัก เช่น “001, 002, …010, 011 … 100, 101, etc. และไม่ควรเริ่มต้นด้วย “1, 2, …10, 11 … 100, 101, etc.” <— แล้วมาจบที่ 101 เพราะสุดท้ายจะเรียงไฟล์มั่วได้
  4. อย่าใช้ช่องว่าง หรือเคาะ space bar ในการตั้งชื่อไฟล์ ให้ใช้ dash ( – ) หรือ underscores ( _ ) แทน
    ตัวอย่างเช่น ออกแบบสื่อการตลาด_น้ำหวาน (ชื่องานและเจ้าของงานที่ทำ)
  5. การใส่วันที่ในชื่อไฟล์ ควรใช้ Format ที่เป็นปีขึ้นก่อน เพราะเวลาเรียงลำดับในโฟลเดอร์ จะได้อ่านตามปีล่าสุดขึ้นก่อน ตามด้วยเดือนและวันนั่นเองค่ะ YYYYMMDD หรือ YYMMDD เช่น 20200415 หรือ 200415 เป็นต้น